รู้หรือไม่? ว่าโรคจอประสาทตาเสื่อมตามอายุ (AMD) เป็นหนึ่งสาเหตุของการสูญเสียการมองเห็นถาวร ของประชากรกว่า 170 ล้านคนทั่วโลก! (รักษาได้แค่การชะลอ แต่ไม่สามารถช่วยให้กลับมามองเห็นเหมือนเดิมได้) โดยสาเหตุเกิดได้จากหลายปัจจัย ทั้งอายุที่เพิ่มขึ้น ความอ้วน ความดันสูง การสูบบุหรี่ และอันตรายใกล้ตัวอย่าง แสงสีฟ้า บทความนี้เราขอพาทุกคนไปทำความรู้จักกับ เลนส์กรองแสงสีฟ้า ไอเทมที่กำลังได้รับความนิยม ที่จะช่วยป้องกันดวงตาของคุณจากแสงสีฟ้าที่อันตราย
แสงสีฟ้ามีผลต่อประสาทตาจริงไหม? คำตอบคือ จริงค่ะ เพราะแสงสีฟ้าเป็นหนึ่งในช่วงความยาวคลื่นของแสงที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า พบได้ในแหล่งกำเนิดแสงตามธรรมชาติ อย่างแสงอาทิตย์ โดยมีการศึกษาพบว่าแสงสีฟ้าจากดวงอาทิตย์อาจส่งผลเสียต่อดวงตา เช่น เพิ่มความเสี่ยงของโรคต้อกระจก ส่งผลกระทบต่อวงจรการหลับตื่น (นาฬิกาชีวิต) และอาจทำให้อาการของโรคจอประสาทตาเสื่อม แย่ลงในบางราย
แต่ที่หลายคนกังวลเป็นเพราะในโลกปัจจุบัน ผู้คนอยู่กับหน้าจอเป็นเวลานาน ทำให้ได้รับแสงสีฟ้าอย่างต่อเนื่อง และอาจมีการสะสมของแสงสีฟ้าในระดับที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ จนคนเริ่มตั้งคำถามถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับดวงตาในระยะยาว ซึ่งตามรายงานทางวิทยาศาสตร์ในปี 2018 ระบุว่า แสงสีฟ้าจากหน้าจออิเล็กทรอนิกส์ เช่น โทรศัพท์มือถือ คอมพิวเตอร์ หรือแท็บเล็ต สามารถทะลุผ่านโครงสร้างส่วนหน้าของดวงตา และไปถึงจอประสาทตาได้ ดังนั้น อาจส่งผลต่อเซลล์ที่จอประสาทตา และทำให้หน้าที่การทำงานเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ที่สำคัญ ในปัจจุบันยังไม่มีข้อสรุปทางวิทยาศาสตร์ที่ชัดเจนว่า แสงสีฟ้าที่มาจากหน้าจออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นสาเหตุโดยตรงของการเกิดโรคที่เกี่ยวกับดวงตาหรือไม่ เพราะแสงสีฟ้าที่มีผลต่อเนื้อเยื่อตา ต้องมีความเข้ม มากกว่า 3 Microwatt ในขณะที่แสงสีฟ้าที่ปล่อยจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มีไม่ถึง 1 Microwatt แต่ถึงอย่างไรการใช้งานอุปกรณ์เหล่านี้เป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการล้าตา แสบตา หรือปวดศีรษะได้เช่นกัน ดังนั้นควรหมั่นตรวจสุขภาพตาตัวเองเป็นระยะ
ยังไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนเพียงพอ ว่าเลนส์กรองแสงสีฟ้าสามารถป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อมได้จริงเปล่า แต่ในขณะเดียวกัน การใช้งานเลนส์ชนิดนี้ไม่มีผลเสียต่อดวงตาแต่อย่างใด ในทางกลับกัน มีรายงานว่าการใช้เลนส์กรองแสงสีฟ้า อาจช่วยบรรเทาอาการปวดล้าดวงตา ปวดศีรษะ และส่งผลดีต่อคุณภาพการนอนหลับในบางราย สำหรับวิธีลดผลเสียจากแสงสีฟ้า สามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
1. ชนิดของเลนส์
เลนส์กรองแสงสีฟ้าสีเหลือง ที่ติดมากับแว่นตาสำเร็จรูปบางรุ่น อาจผลิตมาจากพลาสติกคุณภาพไม่ดี มักส่งผลต่อการมองเห็น ทำให้ภาพผิดเพี้ยน เกิดอาการปวดตา รวมไปถึงประสิทธิภาพการกรองแสงสีฟ้าไม่ดีเท่าที่ควร ดังนั้นจึงแนะนำให้เลือกเลนส์จากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ และผ่านการรับรองคุณภาพจะดีกว่า
2. เทคโนโลยีการกรองแสง
เลนส์กรองแสงสีฟ้าที่ดี ไม่ใช่การ ตัดแสง เพราะแสงสีฟ้าก็มีส่วนที่เป็นประโยชน์ เช่น ช่วยให้รู้สึกสดชื่น กระตุ้นอารมณ์ และควบคุมนาฬิกาชีวิต ดังนั้นเลนส์ที่ดีควรทำหน้าที่กรองเฉพาะส่วนที่เป็นอันตรายเท่านั้น เพื่อให้ส่วนที่ดีสามารถเข้าสู่ดวงตาได้
3. ความใกล้เคียงกับสีธรรมชาติ
ในบางอาชีพ เช่น กราฟฟิก ช่างภาพ หรือผู้ที่ทำงานเกี่ยวกับการแยกสี ควรเลือกเลนส์กรองแสงสีฟ้าที่มีโทนอมเหลือเล็กน้อย เพื่อให้สีที่มองเห็นใกล้เคียงกับสีจริงมากที่สุด
4. การรับประกันหลังการขาย
ควรตรวจสอบให้แน่ใจ ว่าเลนส์ที่เลือกใช้มีการรับประกันคุณภาพ เช่น รับประกันการเคลือบผิวเลนส์ ว่าไม่ลอก ไม่เป็นรอยง่าย เพื่อให้มั่นใจว่าเลนส์ที่ใช้ มีประสิทธิภาพและใช้งานได้ดีในระยะยาว
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ใช้สายตาหน้าจอเป็นเวลานาน ไม่ว่าจะทำงาน เล่นมือถือ หรือแม้แต่การใช้ชีวิตประจำวันที่เสี่ยงได้รับแสงสีฟ้า เลนส์กรองแสงสีฟ้า คืออีกหนึ่งตัวช่วยที่ควรมีไว้ติดตัว เพราะสิ่งนี้ไม่เพียงแต่ช่วยป้องกันโรคที่อาจเกิดขึ้นกับดวงตาเท่านั้น แต่ยังช่วยถนอมดวงตา ลดอาการล้าตา และช่วยให้การนอนหลับของคุณดีขึ้นอีกด้วย
Dr.Ouise Eye Clinic พร้อมให้บริการ ตัดแว่นเลนส์กรองแสงสีฟ้า ที่วัดค่าสายตาด้วยเครื่องมือที่ทันสมัย แม่นยำ โดยทีมจักษุแพทย์ และนักทัศนมาตรผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเลือกเลนส์คุณภาพจากแบรนด์ชั้นนำที่เหมาะกับคุณ พร้อมดูแลหลังการใช้งาน เพื่อให้คุณได้รับประสบการณ์ในการใช้บริการที่ดีที่สุด
ขอบคุณข้อมูลจาก:
https://www.macular.org/about-macular-degeneration/risk-factors/ultra-violet-and-blue-light
https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6288536
https://onlinelibrary.wiley.com/doi/10.1111/opo.12406 https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC7229994
บทความโดย หมออุ๊ย แพทย์หญิง วชิรา สนธิไชย
จักษุแพทย์เฉพาะทาง ด้านการแก้ไขปัญหาสายตาและเลนส์โปรเกรสซีฟ