เลนส์แว่นตามีกี่ชนิด? ชวนทำความเข้าใจก่อนตัดแว่นที่คลินิกตา

เลนส์แว่นตามีกี่ชนิด? ชวนทำความเข้าใจก่อนตัดแว่นที่คลินิกตา
หลายคนที่กำลังจะ ตัดแว่นครั้งแรก มักรู้สึกสับสน กับเลนส์แว่นตาที่มีหลายประเภทจนเลือกไม่ถูก และมักเกิดคำถาม ว่าเราควรเลือกแบบไหนถึงจะเหมาะกับสายตาและการใช้งานจริง อยู่ใช่ไหมคะ วันนี้หมออุ๊ยพามาทำความเข้าใจ แนวทางการเลือกเลนส์แว่นตา แบบละเอียดแต่เข้าใจง่าย เพื่อให้คุณเลือกได้อย่างมั่นใจ ตั้งแต่ครั้งแรกที่ตัดแว่นเลยค่ะ
คลินิกตาชวนทำความรู้จัก Index หรือความหนาบางของเลนส์
Index คือค่าดัชนีหักเหของแสงที่กำหนดความหนาของเลนส์โดยตรง หากค่าสายตาสั้นหรือยาวมาก ควรเลือกเลนส์ Index สูง (1.67 1.74) เพราะช่วยให้เลนส์บาง เบา และดูสวยงาม หากค่าสายตาไม่มาก แนะนำ เลือก Index ปกติ (1.50 1.60) ก็เพียงพอแล้ว ซึ่งในปัจจุบันมีเทคโนโลยีที่เรียกว่าเลนส์ย่อบาง หรือ High Index Lens เป็นทางเลือก ซึ่งเลนส์ประเภทนี้ ถูกออกแบบมาให้บางกว่าเลนส์มาตรฐานทั่วไป แม้จะใช้กับค่าสายตาสูง โดยที่คุณภาพการมองเห็นก็ยังเทียบเท่ากับเลนส์ที่มีความหนา โดยตัวอย่างขนาดเลนส์ย่อบางที่ใช้กันในตลาด ได้แก่
- 1.50 = เลนส์มาตรฐานทั่วไป (ไม่ย่อบาง)
- 1.53 1.59 = กลุ่มเลนส์นิรภัย เช่น Polycarbonate / Trivex (เน้นความเหนียว ทนต่อแรงกระแทก)
- 1.60 = เริ่มบาง เหมาะกับสายตา -3.00 ขึ้นไป
- 1.67 = บางมาก เหมาะกับค่าสายตาสูง -6.00 ขึ้นไป
- 1.74 = บางที่สุดในกลุ่มเลนส์แว่นสายตาในปัจจุบัน

ข้อดีของเลนส์ย่อบาง
- ทำให้เลนส์ ดูบางลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในผู้ที่มีสายตาสั้นมาก ซึ่งปกติจะมีเลนส์หนาและขอบชัด
- น้ำหนักเบา ใส่ได้นานโดยไม่กดจมูก หรือทำให้แว่นไหล
- เพิ่มความสวยงามและความมั่นใจเวลาใส่ โดยเฉพาะเมื่อใช้งานคู่กับกรอบแว่นแบบบางหรือไร้ขอบ
ข้อจำกัดของเลนส์ย่อบาง
- เลนส์ Index สูง อาจมีราคาสูงกว่าแบบทั่วไป
- หากไม่ได้เคลือบป้องกันรอย ผิวเลนส์อาจเปราะบางกว่าเลนส์ทั่วไป
- เลนส์บางบางรุ่นอาจสะท้อนแสงมากกว่า หากไม่เคลือบมัลติโค้ต
ความรู้จากคลินิกตา เลนส์แว่นตามีกี่แบบ?
ประเภทของเลนส์ตาม "การแก้ไขการมองเห็น"

1. เลนส์ชะลอการเพิ่มค่าสายตาในเด็ก
แว่นชะลอสายตาสั้นในเด็ก ถูกออกแบบเพื่อ ชะลอการเพิ่มขึ้นของสายตาสั้นในเด็ก โดยใช้เทคโนโลยีเฉพาะ เช่น D.I.M.S. (Defocus Incorporated Multiple Segments) หรือ H.A.L.T. (Highly Aspherical Lenslet Target) ที่ช่วยกระจายโฟกัสของภาพ ให้เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของดวงตา
ข้อดี :
- หากใส่อย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดอัตราการเพิ่มของสายตาสั้นได้จริงในระยะยาว
- ปลอดภัย ไม่ต้องใช้ยา และสามารถใช้ได้ตั้งแต่เด็กวัยประถม
- ช่วยให้เด็กมีคุณภาพการมองเห็นที่ดีขึ้นในระยะยาว
ข้อจำกัด :
- ต้องสวมใส่ทุกวันและติดตามผลกับจักษุแพทย์อย่างต่อเนื่อง
- เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีเฉพาะทาง อาจมีราคาสูงกว่าเลนส์เด็กทั่วไป
- เด็กที่ไม่เคยสวมแว่นมาก่อน อาจต้องใช้เวลาปรับตัวเล็กน้อยช่วงแรก

2. เลนส์ชั้นเดียว (Single Vision)
เป็นเลนส์พื้นฐาน ใช้สำหรับแก้ไขปัญหาสายตาสั้น ยาว หรือเอียงได้ใน "ระยะเดียว" เช่น สำหรับมองไกล หรือสำหรับอ่านหนังสือ
ข้อดี:
- ให้ภาพที่คมชัด สวมใส่ง่าย
- ราคาเข้าถึงง่าย มีหลายรุ่นให้เลือก
- เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นใส่แว่น หรือผู้ที่ต้องการแว่นสำรอง
ข้อจำกัด:
- ใช้ได้เพียงระยะเดียวเท่านั้น หากต้องมองไกลและใกล้ต้องมีแว่นแยก
- ไม่เหมาะกับผู้ที่เริ่มมีภาวะสายตายาวตามวัย เพราะจะต้องสลับแว่นบ่อย
3. เลนส์ผ่อนคลายกล้ามเนื้อตา (Relax Lens)
ออกแบบมาเพื่อช่วยให้ดวงตาทำงานน้อยลง เหมาะเป็นอย่างยิ่ง กับผู้ที่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ดิจิทัลต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่น อ่านหนังสือ หรือทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ โดยมีโซนกำลังสายตาที่ช่วยลดการเพ่งในระยะใกล้
ข้อดี:
- ลดอาการล้าตา ปวดตา หรือมึนศีรษะ จากการเพ่งนาน ๆ
- ช่วยให้มองหน้าจอหรืออ่านหนังสือได้นานขึ้นอย่างสบายตา
- เหมาะกับวัยเรียน วัยทำงาน และผู้ที่ยังไม่ถึงวัยสายตายาว
ข้อจำกัด:
- ต้องใช้เวลาปรับตัวเล็กน้อยในช่วงแรก เพราะเลนส์มีโซนกำลังต่างกัน
- ราคาสูงกว่าเลนส์ชั้นเดียวทั่วไป

4. เลนส์คอมพิวเตอร์หรือออฟฟิศ (Office Lens)
เป็นเลนส์เฉพาะบุคคล ที่ออกแบบมาเพื่อมองเห็นชัดในระยะใกล้ถึงกลาง เช่น หน้าจอคอมพิวเตอร์ โต๊ะทำงาน หรือการอ่านเอกสาร
ข้อดี:
- ช่วยลดอาการ ปวดตา ปวดคอ และไหล่ จากการก้มเงยบ่อย
- มีโซนการมองที่สบายตา และเหมาะกับท่านั่งทำงาน
- ช่วยเพิ่มสมาธิและประสิทธิภาพในการทำงานได้จริง
ข้อจำกัด:
- มองไกลไม่ชัด เพราะออกแบบมาเฉพาะระยะใกล้ถึงกลางเท่านั้น
- ไม่เหมาะกับการขับรถหรือใช้งานกลางแจ้ง

5. เลนส์โปรเกรสซีฟ (Progressive Lens)
แว่นตาเลนส์โปรเกรสซีฟ เป็นเลนส์อัจฉริยะที่ออกแบบมา เพื่อแก้ปัญหาสายตายาวตามวัยโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถปรับค่าสายตาได้ต่อเนื่องตั้งแต่ระยะไกล ระยะกลาง ไปจนถึงระยะใกล้ โดยไม่จำเป็นต้องสลับแว่นหลายอัน ช่วยให้มองเห็นชัดเจนในทุกกิจกรรม ไม่ว่าจะดูหนัง ทำงาน อ่านหนังสือ หรือเล่นกีฬา พร้อมช่วยเสริมบุคลิกภาพ ทำให้ใบหน้าดูอ่อนเยาว์ขึ้น เพราะไม่มีรอยต่อให้สังเกตเห็นเหมือนเลนส์สองชั้นแบบเก่า
ข้อดี:
- มองเห็นชัดทุกระยะ โดยไม่ต้องสลับแว่น
- ช่วยให้การมองเป็นธรรมชาติและต่อเนื่อง
- เพิ่มความมั่นใจ ไม่เห็นรอยต่อเลนส์เหมือนแว่นสองชั้น
- ปรับได้ตามไลฟ์สไตล์ เช่น แบบเน้นอ่านหนังสือ หรือเน้นขับรถ
ข้อจำกัด:
- ต้องอาศัยการวัดสายตา และคำนวณตำแหน่งเลนส์ที่แม่นยำจากร้านแว่นโดยจักษุแพทย์
- ช่วงแรกต้องฝึกการมองให้ชินกับโซนของเลนส์
- ราคาเริ่มต้นสูงกว่าเลนส์ทั่วไป แต่คุ้มค่าสำหรับผู้ใช้ระยะยาว
ประเภทของเลนส์เพื่อ "การปกป้องสุขภาพดวงตา"
1. เลนส์กรองแสงสีฟ้า
ช่วยบรรเทาอาการปวดล้าดวงตา ปวดศีรษะ จากการใช้หน้าจออิเล็กทรอนิกส์เป็นเวลานาน นอกจากนี้การเลือกเลนส์กรองแสงสีฟ้า ที่มีสีเลนส์อมเหลืองนิด ๆ ยังช่วยเพิ่มความคมชัดของภาพ และลดแสงรบกวนจากหน้าจอได้ด้วย
ข้อดี:
- ลดแสงสีฟ้าที่เป็นสาเหตุของอาการปวดตา ตาล้า และนอนไม่หลับ
- เหมาะกับผู้ใช้คอมพิวเตอร์ มือถือ หรือจอ LED เป็นเวลานาน
- ป้องกันความเสื่อมของจอประสาทตาในระยะยาว
ข้อจำกัด
- บางรุ่นอาจมีโทนสีเหลืองอ่อนเล็กน้อย
- ไม่สามารถทดแทนเลนส์ป้องกันรังสี UV ได้ทั้งหมด

ภาพจาก : www.lentiamo.co.uk
2. เลนส์เปลี่ยนสีอัตโนมัติ (Photochromic)
เป็นเลนส์ที่สามารถปรับความเข้มอ่อนของสีเลนส์ได้อัตโนมัติ เมื่อใช้งานในอาคารหรือที่ร่ม ตัวเลนส์จะเป็นสีอ่อนปกติ แต่เมื่อสัมผัสกับแสงแดด แสง UV หรือใช้งานกลางแจ้ง ก็จะเปลี่ยนเป็นสีเข้มอัตโนมัติ ช่วยเพิ่มความสะดวก และถนอมสายตาได้ในแว่นอันเดียว
ข้อดี:
- ปรับสีเข้มอัตโนมัติเมื่อโดนแสงแดด พร้อมลดความจ้า
- ช่วยเพิ่มความสะดวกสบาย เพราะไม่ต้องพกแว่นกันแดดอีกอัน
- เหมาะสำหรับผู้ที่อยู่ทั้งในร่มและกลางแจ้งบ่อย
ข้อจำกัด:
- สีเปลี่ยนช้ากว่าเล็กน้อยเมื่อกลับเข้าที่ร่ม
- หากใช้งานรถยนต์ที่ติดตั้งกระจกกัน UV แว่นจะไม่เปลี่ยนสีในรถยนต์
3. เลนส์ทำสี ปรอท และโพลาไรซ์
เลนส์โพลาไรซ์ คือเลนส์ที่ช่วยลดแสงสะท้อน ที่เป็นแสงกระจายตัวที่สะท้อนจากพื้นผิวต่าง ๆ เช่น น้ำ ผิวถนน กระจก หรือโลหะ ทำให้มองเห็นไม่ชัดและก่อให้เกิดอาการล้าดวงตาได้ง่าย โดยเลนส์ชนิดนี้ถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานกลางแจ้ง เช่น ขณะขับรถ ตกปลา เล่นกีฬากลางแจ้ง หรือต้องเผชิญกับหิมะที่สะท้อนแสง นอกจากนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงของอุบัติเหตุจากแสงสะท้อนของดวงอาทิตย์ ที่อาจทำให้ตามืดชั่วขณะได้อีกด้วย
ข้อดี:
- ตัดแสงสะท้อนจากพื้นถนนและน้ำ เหมาะกับผู้ขับรถหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง
- ช่วยให้มองเห็นสีสันชัดเจนขึ้นและลดแสงจ้า
- มีดีไซน์ให้เลือกหลากหลาย ดูเท่และแฟชั่นได้ในตัว
ข้อจำกัด:
- ไม่เหมาะสำหรับใช้งานในที่ร่มหรือกลางคืน
- บางรุ่นมีราคาแพงกว่าเลนส์ปกติ
การเสริมประสิทธิภาพของเลนส์ ที่คลินิกตา เพื่อการมองเห็นที่ดีกว่า
1. การเคลือบผิวเลนส์ (Coating)
ข้อดี:
- เพิ่มความทนทาน ป้องกันรอยขีดข่วน ฝุ่น และน้ำเกาะ
- ลดแสงสะท้อน เพิ่มความคมชัดในการมอง
- เคลือบกันฝ้าหรือกันแบคทีเรียได้ เหมาะกับผู้ใส่หน้ากากหรือคนทำงานด้านสุขภาพ
ข้อจำกัด:
- ต้องดูแลรักษาให้ดี หากเช็ดผิดวิธีอาจทำให้สารเคลือบเสีย
- เคลือบพิเศษบางแบบมีอายุการใช้งานจำกัด (ประมาณ 23 ปี)
2. เลนส์เฉพาะบุคคล (Personalized Lens)
ข้อดี:
- วัดค่าสายตาและตำแหน่งสายตามจริงของผู้สวมใส่
- ให้ภาพคมชัดและเป็นธรรมชาติสูงสุด
- ลดอาการปวดตาในผู้ที่ใช้เลนส์โปรเกรสซีฟ
ข้อจำกัด:
- ต้องตรวจวัดด้วยเครื่องมือเฉพาะในคลินิกตาเท่านั้น
- เนื่องจากมีการออกแบบเฉพาะบุคคล อาจทำให้ราคาสูงกว่าเลนส์ทั่วไป
3. เลนส์ขัดละเอียด 0.01 Diopter
ข้อดี:
- ความละเอียดสูง ช่วยให้มองเห็นคมชัดสมจริง
- ลดความเพี้ยนของภาพและทำให้ปรับตัวกับเลนส์ได้ง่าย
ข้อจำกัด:
- ใช้เครื่องมือเฉพาะทางในการผลิต
- ราคาสูงกว่าเลนส์ขัดมาตรฐาน

4. เลนส์ปริซึม (Prism Lens)
เป็นเลนส์ชนิดที่ช่วยปรับทิศทางของแสงเข้าสู่จอประสาทตาได้อย่างถูกต้อง ทำให้ผู้ป่วยสามารถมองเห็นภาพได้ชัดเจน และสบายตามากขึ้น
ข้อดี:
- ช่วยแก้ไขปัญหากล้ามเนื้อตาทำงานไม่สัมพันธ์ เช่น เห็นภาพซ้อน
- ทำให้การมองเห็นสมดุล และลดอาการปวดศีรษะจากกล้ามเนื้อตาอ่อนแรง
ข้อจำกัด:
- ต้องได้รับการวินิจฉัยจากจักษุแพทย์ก่อนเท่านั้น
- ต้องผลิตเฉพาะบุคคล ไม่สามารถใช้ของสำเร็จรูปได้
Dr.Ouise Eye Clinic
คลินิกจักษุครบวงจร กรุงเทพ-รังสิต / ปทุมธานี / รามอินทรา (แฟชั่นไอส์แลนด์)
บริการ ตรวจสุขภาพตา,ตรวจวัดสายตา, แก้ไข สายตาสั้น, สายตายาว, ตัดแว่น, ตัดเลนส์โปรเกรสซีฟ, แว่นชะลอสายตาสั้นในเด็ก นำโดย (หมออุ๊ย) จักษุแพทย์ เฉพาะทาง และ ทีมนักทัศนมาตร
นัดหมาย หรือปรึกษาเพิ่มเติม : LINE

สรุป
การเลือกเลนส์แว่นตาที่เหมาะสม ไม่เพียงช่วยให้มองเห็นชัดเจนเท่านั้น แต่ยังช่วยลดความเมื่อยล้าของดวงตา และเพิ่มความสบายในการใช้งานในชีวิตประจำวันได้อีกด้วย แต่ถึงอย่างไรจำเป็นต้องได้รับการตรวจวัดสายตาโดยจักษุแพทย์ และรับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ เพื่อช่วยให้คุณได้เลนส์ที่ตรงกับความต้องการ และเหมาะกับปัญหาสายตามากที่สุด
การเลือกคลินิกเพื่อตรวจวัดและตัดแว่นตาอย่างมืออาชีพ คือจุดเริ่มต้นของการมองเห็นที่ชัดและสบายในทุกวัน ที่ Dr.Ouise Eye Clinic (คลินิกตาหมออุ๊ย) คลินิกศูนย์เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟและเลนส์ชะลอสายตาสั้นในเด็ก เราให้ความสำคัญในทุกขั้นตอน ให้บริการโดยจักษุแพทย์และนักทัศนมาตรผู้เชี่ยวชาญ ร่วมกับการใช้เครื่องมือวัดสายตาที่มีความแม่นยำสูงสุด และเลนส์คุณภาพจากแบรนด์ชั้นนำให้เลือกครบทุกความต้องการเรื่องสายตา มองชัดขึ้น สบายตากว่าเดิม พร้อมให้คุณมั่นใจในทุกมุมมอง
จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านการแก้ไขปัญหาสายตาและเลนส์โปรเกรสซีฟ

แพทย์หญิงวชิรา สนธิไชย (หมออุ๊ย)
- จักษุแพทย์เฉพาะทาง อนุสาขากระจกตาและแก้ไขค่าสายตา (Cornea and Refractive surgery)
- ชำนาญด้านการรักษาโรคตา เช่น โรคตาแห้ง โรคกระจกตาโก่งย้วย และการแก้ไขปัญหาค่าสายตาผิดปกติ
ด้วยการจ่ายเลนส์แว่นสายตา เลเซอร์แก้ไขค่าสายตา เช่น เลสิก ผ่าตัดใส่เลนส์เสริม
จากที่คุณหมอมีประสบการณ์กว่า 10 ปี กับผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านค่าสายตาผิดปกติรวมถึงโรคตา - ประกอบกับทางบ้านคุณหมอเองมีกิจการด้านแว่นตา จึงทำให้หมอเองนำความชำนาญทั้ง 2 ด้านมาผสานกัน
ก่อตั้งเป็น "ร้านแว่นตา Dr. Ouise Eye Specialist" เน้นการจ่ายเลนส์แว่นตาที่เหมาะสมกับปัญหาสุขภาพตาเฉพาะบุคคล เพื่อให้การมองเห็นที่ชัดเจนและสบายตา โดยมีเป้าหมายขอเป็นด่านแรกในการดูแลแบบองค์รวมสุขภาพตาเบื้องต้นให้กับชาวไทย เข้าถึงการตรวจตา โดยไม่ต้องไปถึงโรงพยาบาล
ประวัติการศึกษา
- แพทยศาสตร์บัณฑิต ศิริราชพยาบาล, มหาวิทยาลัยมหิดล
- วุฒิบัตรสาขาจักษุวิทยา, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- วุฒิบัตรอนุสาขากระจกตา และผ่าตัดแก้ไขค่าสายตา, คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี, มหาวิทยาลัยมหิดล
ปัจจุบัน
- อาจารย์จักษุแพทย์ หน่วยกระจกตาและผ่าตัดแก้ไขค่าสายตา โรงพยาบาลรามาธิบดี
- ผู้ก่อตั้ง Dr.Ouise Eye Clinic และ Dr.Ouise Eye Specialist
- ทีมบริหาร ร้านแว่นตา the NEXT
สาขาของเรา

DR.OUISE EYE CLINIC
ที่ตั้ง: ซอยพหลโยธิน 92 ตำบลประชาธิปัตย์
อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี 12130
เวลาเปิดปิด: 10.0018.00 น.
โทร: 090-224-5168

DR.OUISE EYE SPECIALIST
ที่ตั้ง: ห้าง Fashion Island ชั้น 2 ห้องเลขที่ 2040B
เลขที่ 587,589,589/7-9 ถนนรามอินทรา แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กทม 10230
เวลาเปิดปิด: 10.0022.00 น.
โทร: 095-386-6361


