แชร์

เข้าใจสาเหตุ ตามัว มองไม่ชัด พร้อมวิธีป้องกันจากคลินิกตา

อัพเดทล่าสุด: 1 ต.ค. 2025
76 ผู้เข้าชม

เข้าใจสาเหตุ ตามัว มองไม่ชัด พร้อมวิธีป้องกันจากคลินิกตา

 

    " อาการตามัว มองไม่ชัด " อาจเป็นสิ่งที่หลายคนคุ้นเคย เพราะบางครั้งที่เหนื่อยล้า อาจมีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว แต่บางครั้งอาจเป็นสัญญาณเตือนถึงโรคตาที่ร้ายแรง ที่หากปล่อยทิ้งไว้อาจกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน และเสี่ยงต่อการสูญเสียการมองเห็น การทำความเข้าใจสาเหตุที่แท้จริงของอาการสายตาพร่ามัวจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้เราสามารถดูแลและป้องกันสุขภาพดวงตาได้อย่างถูกวิธี 

 

 

 

เลือกอ่านตามหัวข้อ

 

 

ตาพร่ามัว คืออะไร? ข้อมูลสำคัญจากคลินิกตา

   

     ตาพร่ามัว (Blurred vision) คือ ภาวะที่การมองเห็นไม่ชัดเจนเหมือนปกติ ภาพที่เห็นอาจดูหมอง ขุ่น เบลอ หรือเหมือนมีม่านบาง ๆ บังอยู่ คล้ายกับการมองผ่านกระจกที่มีฝ้า ทำให้ไม่สามารถโฟกัสสิ่งที่มองได้เต็มที่ ซึ่งอาจเกิดขึ้นกับตาข้างเดียวหรือทั้งสองข้างก็ได้ โดยลักษณะของตาพร่ามัว แบ่งออกเป็นหลายแบบ เช่น

 

  • พร่ามัวชั่วคราว มักเกิดจากความล้า การพักผ่อนไม่เพียงพอ ตาแห้ง หรือการใช้งานสายตาหนักเกินไป
  • พร่ามัวเรื้อรัง ที่เป็นต่อเนื่องและไม่หายไปเอง มักเกี่ยวข้องกับค่าสายตาผิดปกติ สายตาสั้น สายตายาว สายตาเอียง สายตายาวตามวัย หรือโรคตา เช่น ต้อกระจก ต้อหิน หรือโรคจอประสาทตา
  • พร่ามัวเฉียบพลัน การมองเห็นลดลงทันทีภายในเวลาอันสั้น เป็นสัญญาณอันตรายที่ควรรีบพบจักษุแพทย์โดยด่วน

    การเข้าใจภาวะตาพร่ามัวจึงมีความสำคัญ เพราะไม่ใช่เพียงปัญหาสายตาทั่วไปเท่านั้น แต่บางครั้งอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคตาที่ร้ายแรง หรือโรคระบบอื่น ๆ เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ที่ส่งผลกระทบต่อเส้นเลือดและจอประสาทตาด้วย


 


 

คลินิกตาบอกต่อ สาเหตุหลักของสายตาพร่ามัว

 

1. ค่าสายตาผิดปกติ (Refractive errors)

  • สายตาสั้น (Myopia): มองไกลไม่ชัด มักมีอาการตั้งแต่เด็กหรือวัยรุ่น ยิ่งสายตาสั้นมากยิ่งต้องเพ่งมากขึ้น และเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่จอประสาทตาในระยะยาว

  • สายตายาว (Hyperopia): มองใกล้ลำบาก ต้องเพ่งมาก ทำให้รู้สึกปวดตาและปวดหัวได้ โดยเฉพาะเมื่อใช้สายตาใกล้เป็นเวลานาน

  • สายตาเอียง (Astigmatism): กระจกตาหรือเลนส์ตาโค้งไม่สม่ำเสมอ ทำให้ภาพบิดเบี้ยวหรือไม่คมทั้งใกล้และไกล

  • สายตายาวตามอายุ (Presbyopia): เลนส์สายตาเสื่อมตามวัย ทำให้การโฟกัสระยะใกล้แย่ลง มักพบในผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีขึ้นไป 


 

 


 

 

2. ความผิดปกติของโครงสร้างตา

  • ต้อกระจก (Cataract): มักพบในกลุ่มผู้สูงอายุ มักมีอาการเลนส์ตาขุ่น ทำให้ภาพมองเหมือนมีฝ้าหรือสีจางลง

  • ต้อหิน (Glaucoma): ความดันตาสูง/ปัจจัยอื่น ๆ ทำให้เส้นประสาทตาเสื่อม อาจไม่มีอาการในระยะแรก แต่จะค่อย ๆ สูญเสียการมองเห็นด้านข้างก่อน และหากปล่อยไว้อาจสูญเสียการมองเห็นถาวร

  • โรคจอประสาทตา (Retinal diseases): เช่น เบาหวานขึ้นตา (diabetic retinopathy), จอประสาทตาเสื่อม (AMD), จอประสาทตาฉีกหรือหลุด (retinal detachment) อาจทำให้เสียการมองเห็นจากตรงกลางก่อน

 

 

3. การติดเชื้อแบบฉับพลัน

  • เช่น uveitis (การอักเสบในลูกตา), keratitis (การอักเสบของกระจกตา), optic neuritis (การอักเสบของเส้นประสาทตา) มีมีอาการปวด ตาแดง และการมองเห็นลดลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาการนี้ต้องรีบพบแพทย์ทันที

 

4. สาเหตุชั่วคราวและพฤติกรรม

  • ตาแห้ง (Dry eye) พักผ่อนไม่เพียงพอ

  • การใช้หน้าจอคอมพิวเตอร์ หรือมือถือเป็นเวลานาน

  • ใส่คอนแทคเลนส์ที่ไม่สะอาด หรือใส่นานเกินไป

  • น้ำตาไหลหรือมีอาการตาแดง ที่เกิดจากภูมิแพ้ตา

 

 

 

 

วิธีทดสอบอาการตาพร่าเบื้องต้น เช็กก่อนพบหมอคลินิกตา

 

  • มองเห็นแสงไฟฟุ้ง แตกเป็นเส้น เห็นแสงสะท้อน
  • มองเห็นรายละเอียดบนใบหน้าของคู่สนทนาไม่ชัดเจน เช่น เห็นคนที่หน้าเป็นสิว มีจุดด่างดำ เป็นใบหน้าที่ดูเรียบเนียน
  • มีอาการแสบตา เคืองตา ไม่สบายตา หรือมีอาการแพ้แสง ตาไม่สู้แดด
  • ทดสอบได้ด้วยการปิดตาทีละข้างแล้วลองมองวัตถุ หากพบว่ามีตาข้างใดข้างหนึ่งเห็นไม่ชัด ภาพเบลอ หรือเห็นภาพซ้อน ควรรีบพบแพทย์
  • ทดสอบการมองใกล้และมองไกล หากรู้สึกว่าต้องเพ่งมากกว่าปกติ อาจมีค่าสายตาผิดปกติ
  • หากภาพที่เห็นเหมือนมีเงา หรือขอบภาพบิดเบี้ยว อาจเกี่ยวข้องกับกระจกตาหรือจอประสาทตา


 

หมายเหตุ :

การทดสอบที่บ้านเป็นเพียงการคัดกรองเบื้องต้น หากพบความผิดปกติควรได้รับการตรวจอย่างละเอียด

 

   

 

 

 

 

สัญญาณอันตรายที่ควรรีบพบจักษุแพทย์ ตรวจเช็กที่คลินิกตา

 

  • การมองเห็นลดลงอย่างฉับพลันในตาข้างเดียวหรือทั้งสองข้าง อาจเป็นสาเหตุจากหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงจอประสาทตาอุดตัน หรือเลือดออกในน้ำวุ้นตา หรือสัญญาณของโรคระบบ เช่น โรคหลอดเลือดสมอง
  • รู้สึกเหมือนมีม่านบังสายตา อาจเป็นอาการจอประสาทตาหลุด/ฉีก ควรรีบรักษาเพื่อลดความเสี่ยงการสูญเสียการมองเห็นถาวร

  • เห็นแสงแฟลชจำนวนมาก หรือจุดลอยเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน สัญญาณเตือนของการฉีก/หลุดของจอประสาทตา

  • มีอาการเจ็บตารุนแรง ร่วมกับตาแดงและการมองเห็นลดลง อาจเป็นการติดเชื้อ หรือการอักเสบเรื้อรังที่ต้องให้ยารักษาโดยแพทย์

  • มีอาการคล้ายอัมพาตใบหน้า/ปากแข็ง หรือพูดลำบาก ร่วมกับการมองเห็นผิดปกติ ให้รีบไปห้องฉุกเฉิน เนื่องจากอาจเป็นอาการของโรคหลอดเลือดสมอง

 

แนวทางการรักษาอาการตาพร่า จากคลินิกตา

1. แก้ไขค่าสายตาผิดปกติ

หากตาพร่ามัวเกิดจากความผิดปกติของค่าสายตา ควรเริ่มต้นด้วยการแก้ไขด้วย แว่นตา/คอนแทคเลนส์ ทั่วไป รวมไปถึงการพิจารณาการผ่าตัดแก้ค่าสายตา (LASIK/PRK/SMILE) ในผู้ที่เหมาะสม ทั้งนี้ต้องมีการประเมินความหนาของกระจกตา และสุขภาพตาโดยรวมก่อนทำการรักษา

2. การใช้น้ำตาเทียม

เป็นวิธีที่เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการตาแห้ง จนเกิดภาพพร่ามัว ด้วยการใช้น้ำตาเทียมแบบไม่มีสารกันเสียในช่วงที่มีความจำเป็น นอกจากนี้ควรทำควบคู่กับการปรับพฤติกรรมต่าง ๆ เช่น พักสายตา ปรับแสง ปรับตำแหน่งหน้าจอ เป็นต้น

3. การใช้ยาตามอาการ

หากดวงตาเกิดการติดเชื้อ/การอักเสบ อาจใช้วิธีการรักษาด้วยการให้ยาตามสาเหตุ เช่น ยาปฏิชีวนะ ยาต้านไวรัส ยาลดการอักเสบ พร้อมการติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะบางชนิดอาจทำลายกระจกตา หรือจอประสาทตาได้หากล่าช้า หรือรักษาไม่ตรงกับอาการ

4. การผ่าตัด/เลเซอร์

หากเป็นโรคทางตาที่รบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ต้อหิน ต้อกระจก จอประสาทตา จอประสาทตาฉีก/หลุด ฯลฯ การใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์ด้วยการผ่าตัดหรือการใช้เลเซอร์ ถือเป็นวิธีที่ช่วยแก้ไขปัญหาที่ดีที่สุด

 

 


 

วิธีป้องกันอาการตาพร่าด้วยตัวเอง

 

  • พักสายตาเป็นประจำขณะใช้หน้าจอ: ใช้กฎ 20-20-20 โดยทุก 20 นาที มองไปไกล 20 ฟุต (ประมาณ 6 เมตร) เป็นเวลา 20 วินาที เพื่อลดความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อตา

  • ปรับสภาพแวดล้อมการทำงาน: แสงต้องไม่จ้าหรือมืดเกินไป ลดแสงสะท้อน ปรับความสว่าง และตำแหน่งจอให้อยู่ต่ำเล็กน้อยจากระดับสายตา

  • รักษาความชุ่มชื้นของดวงตา: หากมีอาการตาแห้ง แนะนำใช้น้ำตาเทียมตามคำแนะนำของแพทย์ แต่หากใช้คอนแทคเลนส์ ควรทำความสะอาดอย่างถูกวิธี และไม่ใส่เกินเวลาที่กำหนด

  • ควบคุมโรคประจำตัว: ผู้เป็นเบาหวานหรือความดันสูง ควรควบคุมระดับน้ำตาลและความดันโลหิตอย่างเข้มงวด เพื่อลดความเสี่ยงต่อโรคจอประสาทตา

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: โดยเฉพาะอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน และสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น วิตามินเอ, C, E, ลูทีน, ซีแซนทีน, กรดไขมันโอเมก้า-3 เพื่อช่วยดูแลสุขภาพจอประสาทตาในระยะยาว (ควรปรึกษาแพทย์/นักโภชนาการ)

 

  

คำถามที่พบบ่อย (FAQ) สั้น ๆ แต่มีประโยชน์

ตาพร่ามัวชั่วคราวจากการใช้หน้าจอ ควรทำอย่างไร?
แนะนำให้พักสายตาทันที มองไกลเป็นระยะ และใช้น้ำตาเทียมถ้ารู้สึกตาแห้ง หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 12 วัน ควรพบแพทย์เพื่อตรวจเพิ่มเติม
ตัดแว่นใหม่ทำไมตายังพร่ามัว?
ควรกลับไปที่ร้านแว่นโดยจักษุแพทย์เพื่อให้จักษุแพทย์ตรวจวัดสายตาอีกครั้ง เนื่องจากอาจเกิดจากค่าสายตาบิดเบือน หรือการตั้งเลนส์ไม่เหมาะสม
การมองเห็นที่ลดลงเรื้อรัง จะกลับมาปกติได้หรือไม่?
ขึ้นอยู่กับสาเหตุ หากเป็นค่าสายตา/ต้อกระจก/ตาแห้ง มักแก้ไขได้ แต่ถ้าเป็นความเสียหายของเส้นประสาทตาหรือจอประสาทตาที่รุนแรง การฟื้นตัวอาจจำกัด ดังนั้นการตรวจพบและรักษาแต่เนิ่น ๆ จึงสำคัญ

 

 

  

สรุป

      ตาพร่ามัวเป็นอาการที่เกิดได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ค่าสายตาทั่วไปที่แก้ไขได้ง่าย ไปจนถึงโรคตาเรื้อรัง หรือภาวะฉุกเฉินที่อาจก่อให้เกิดการสูญเสียการมองเห็นถาวร ดังนั้นควรหมั่นสังเกตอาการ และสัญญาณความผิดปกติต่าง ๆ หากมีอาการฉับพลัน ร่วมกับแสงแฟลช จุดลอยเพิ่มมาก หรือมองเห็นเป็นม่าน ควรรีบพบจักษุแพทย์โดยด่วน เพราะการตรวจอย่างละเอียดโดยผู้เชี่ยวชาญ จะช่วยวางแผนการรักษาที่เหมาะสม และป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้ดีในอนาคต

      หากรู้สึกว่าเริ่มมีอาการตาพร่ามัวแบบไม่ทราบสาเหตุ อย่าปล่อยไว้! ที่ Dr.Ouise Eye Clinic (คลินิกตาหมออุ๊ย) คลินิกศูนย์เลนส์แว่นตาโปรเกรสซีฟและเลนส์ชะลอสายตาสั้นในเด็ก เรามีทีมจักษุแพทย์และนักทัศนมาตรผู้เชี่ยวชาญ พร้อมเครื่องมือวินิจฉัยครบครัน เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง และร่วมออกแบบแนวทางรักษาที่เหมาะสมสำหรับคุณ

  


 
 
 

  

บทความโดย

หมออุ๊ย แพทย์หญิง วชิรา สนธิไชย

จักษุแพทย์เฉพาะทางด้านการแก้ไขปัญหาสายตาและเลนส์โปรเกรสซีฟ

 

 

 

 

สาขาของเรา

  • DR.OUISE EYE CLINIC 
    ที่ตั้ง ซอยพหลโยธิน 92 ตำบลประชาธิปัตย์ อำเภอธัญบุรี จังหวัดปทุมธานี 12130
    เปิดบริการทุกวัน 10.00-18.00 น.

 

  • DR.OUISE EYE SPECIALIST
    ห้าง Fashion Island ชั้น 2 ห้องเลขที่ 2040B 
    เลขที่ 587,589,589/7-9 ถนนรามอินทรา แขวงคันนายาว เขตคันนายาว กทม 10230
    เปิดบริการทุกวัน 10.00-22.00 น.

 

 

 

 


บทความที่เกี่ยวข้อง
หนังตาตก รีบปรึกษาจักษุแพทย์ก่อนเสียความมั่นใจ
หนังตาตกไม่ใช่แค่ปัญหาความสวยงาม แต่ยังส่งผลต่อการมองเห็นและคุณภาพชีวิต
1 ต.ค. 2025
เหตุผลที่ควรตัดแว่น กับร้านแว่นตาที่มีจักษุแพทย์
ตัดแว่นกับร้านแว่นที่มีจักษุแพทย์ ไม่เพียงได้เลนส์ที่ตรงค่าสายตา แต่ยังมั่นใจได้ว่าดวงตาจะได้รับการตรวจสุขภาพตา
29 ก.ย. 2025
สายตาสั้นรุนแรงในเด็ก
พ่อแม่ควรรู้ ภาวะสายตาสั้นรุนแรงในเด็กมีความเสี่ยงสูงต่อโรคแทรกซ้อนร้ายแรง เช่น จอประสาทตาเสื่อม ต้อหิน และต้อกระจก มาทำความเข้าใจและหาวิธีป้องกันเพื่อสุขภาพตา
25 ก.ย. 2025
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy